วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประเพณีไทย 4 ภาค

วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น

คำว่า "ท้องถิ่น" หมายถึง พื้นที่และขอบเขตที่ชุมชน หมู่บ้าน เมือง มีการปะทะสรรค์กันทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม จนปรากฏรูปแบบทางวัฒนธรรมที่เหมือนกัน และแตกต่างกันไปจากชุมชน หมู่บ้าน และเมือง ในท้องถิ่นอื่น ดังนั้นวัฒนธรรมและประเพณีของท้องถิ่นแต่ละแห่งอาจมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ซึ่งเราพอจะสรุปลักษณะสำคัญของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของไทยได้ดังนี้                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           






                                                

ภาคเหนือ

ภาคเหนือ



วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นภาคเหนือ                                                                      

ประเพณียี่เป็ง

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ประเพณียี่เป็ง ประเพณีลอยกระทงของชาวล้านนาที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน โดยในปัจจุบันประเพณียี่เป็งยังคงเป็นประเพณีที่มีการสืบทอดและจัดขึ้นในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสองของทุกปี




ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ 

ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ  เมืองแพร่แห่ตุงหลวง  จังหวัดแพร่ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ  เมืองแพร่แห่ตุงหลวง  จังหวัดแพร่           “ย้อนอดีตเก่าแก่  เมืองแพร่เมืองงาม  เล่าขานตำนานช่อแพร่ช่อแฮแหล่งประดิษฐานพระเกศาธาตุ  พระบรมสารีริกธาตุ  พระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า  เมื่อถึงวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๔ ใต้ เดือน ๖ เหนือ  พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไหว้พระธาตุช่อแฮ  เมืองแพร่  แห่ตุงหลวง  ถวายแด่องค์พระธาตุสืบมา” ตำนานเก่าแก่แห่งเมืองมนต์ขลังเล่าว่า  อดีตกาล  พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงดอยโกสิยธชัคคะบรรพตและได้มอบพระเกศาธาตุให้ขุนลั๊วอ้ายก้อมไปบรรจุในผอบแก้วแล้วนำไปไว้ในถ้ำด้านตะวันออกของดอยที่ประทับ  ซึ่งผ้าแพรที่ขุนลั๊วอ้ายก้อมนำมารองรับพระเกศาธาตุนั้นเรียกว่า “ผ้าแฮ”  นิยมนำผ้าแฮ หรือผ้าแพรมาประดิษฐ์เป็นช่อ  หรือธง 





ประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ 

ประเพณีลอยกระทง  เผาเทียนเล่นไฟ  จังหวัดสุโขทัย  – “พระราชพิธีจองเปรียง  แห่งเมืองสุโขทัย  เผาเทียน  เล่นไฟ  พลุ  ตะไล  ไฟพะเนียง  โคมลอยรูปดอกกระมุท  ที่สุดของโคม  แห่นางนพมาศ  บูชาพระพุทธมหานัมมทาน  วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒  ประชาราษฎร์กล่าวขาน  ลอยกระทง  เผาเทียน  เล่นไฟ  ร่วมแรงศรัทธาเผาเทียนบูชาพระรัตนตรัย 
ประเพณีลอยกระทง  เผาเทียนเล่นไฟ  จังหวัดสุโขทัย

ภาคอีสาน

วัฒนธรรมภาคอีสาน                                                                                                                     วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นภาคอีสาน



ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมและประเพณี แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นแต่ละจังหวัด ศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกถึงความเชื่อ ค่านิยม ศาสนาและรูปแบบการดำเนินชีวิตตลอดจนอาชีพของคนในท้องถิ่นนั้นๆได้เป็นอย่างดี สาเหตุที่ภาคอีสานมีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมประเพณีส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจาก การเป็นศูนย์รวมของประชากรหลากหลายเชื้อชาติ และมีการติดต่อสังสรรค์กับประชาชนในประเทศใกล้เคียง จนก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมขึ้น 




ประเพณีไหลเรือไฟ

ประวัติความเป็นมาของประเพณีไหลเรือไฟ ประเพณีไหลเรือไฟ เป็นประเพณีที่จัดขึ้นทั่วไปในหลายจังหวัดทางภาคอีสานที่อยู่ติดกับลำน้ำ โดยมีความเชื่อ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่สืบกันมาหลายชั่วอายุคน  แต่การเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อใดนั้น ไม่มีหลักฐาน



ประเพณีบุญเบิกฟ้า

ประเพณีบุญเบิกฟ้า  จังหวัดมหาสารคาม           “ประเพณีบุญเบิกฟ้า  ช่วงวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต  ชาวนาอีสานตอบแทนผืนแผ่นดินทำกิน  โดยการใช้ปุ๋ยคอกทำจากมูลสัตว์กลับคืนสู่ผืนดินให้มีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง  อีกทั้งสายฝนแรกของปีก็กำลังจะมา  ฟ้ากำลังจะร้อง  เมื่อมาทิศใดก็จะทำนายความอุดมสมบูรณ์ในปีนั้นๆ ไปตามความเชื่อดั้งเดิม” ชาวนาใช้ประโยชน์จากพื้นดินมายาวนาน  ตลอดระยะเวลาการเพาะปลูก  ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินได้สูญสลายไป  เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยว  เมล็ดข้าวที่เติบโตจนได้สีทองล้วนเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้  ซึ่งชาวนาต่างรู้และสำนึกในบุญคุณของผืนแผ่นดิน  ด้วยการคืนธาตุ  คืนอาหารเป็นการตอบแทน  อาการที่ว่าก็คือปุ๋ยนั่นเอง เดือน ๓ เดือนมหัศจรรย์ของชาวอีสาน  นอกจากเป็นเดือนที่อุดมสมบูรณ์แล้วยังเป็นเดือนเริ่มต้นฤดูฝน  ซึ่งจะมีเสียงฟ้าร้อง 




ภาคกลาง

                                                                                                                                                                           ภาคกลาง                                                                                                                  วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นภาคกลาง                                                                                                             ภาคกลางเป็นภาคที่มีประชาการสูงสุด โดยรวมพื้นที่อันเป็นที่ตั้ง ของจังหวัดมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ใช้ภาษากลางในการสื่อความหมายซึ่งกันและกัน วัฒนธรรมไทยท้องถิ่นภาคกลาง ประชาชนประกอบอาชีพทำนา การตั้งถิ่นฐานจะหนาแน่นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ มีวิถีชีวิตเป็นแบบชาวนาไทย คือ การรักพวกพ้อง พึ่งพาอาศัยกัน มีความเชื่อ และเคารพบุคคลสำคัญผู้ล่วงลับไปแล้ว มีการใช้เครื่องปั้นดินเผาตามชุมชนและหมู่บ้านในชนบท การละเล่นพื้นนที่เป็นลักษณะเด่น ได้แก่ มังคละรำเต้น                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                         นอกจากนี้ในท้องที่จังหวัดเพชรบุรี มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือมี ความสามารถในการปลูกสร้างเรือนไทย ความเป็นช่วงฝีมือที่ประณีตในการตกแต่งวัด และช่าง ประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น ช่างทอง ช่างแกะสลักลายไทย ลวดลายปูนปั้นประดับพระสถูปเจดีย์ชนกลุ่มน้อยในท้องถิ่นภาคกลาง มีหลายเผ่าพันธุ์ อาทิ ลาวโข่ง กระเหรี่ยง ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ลาวพวน ในอำเภอบ้านหมี จังหวัดลพบุรี คนลาว ในเขต จังหวัดเพชรบุุุุุุุุุุุรี ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา มอญ ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ                                                                                          

ประเพณีการตักบาตรดอกไม้


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเพณีตักบาตรดอกไม้          ในวันเข้าพรรษา คือวันแรม ค่ำ เดือน ชาวบ้านวัดพระ พุทธบาท จังหวัดสระบุรี แถบนั้นมีคติเชื่อว่าการบูชา พระรัตนตรัยด้วยดอกไม้ธูปเทียน "อามิสบูชา" ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานั้นย่อมได้รับผลอานิสงส์มากมาย ดังนั้นพอถึงวันเข้าพรรษา ชาวบ้านจะเก็บดอกไม้ป่าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพืชประเภทที่มีกอหรือเหง้าฝังอยู่ใต้ดินเช่นต้นกระชายหรือต้นขมิ้น พืชได้รับความชุ่มชื่นจากฝนลำต้นก็แตกยอดโผล่ขึ้นมาจากดิน สูงประมาณคืบเศษ ๆ ดอกมีขนาดเล็ก ออกเป็นช่อตรงบริเวณส่วนยอดของลำต้น หลายสีสันงามตามได้แก่สีขาว สีเหลือง และสีเหลืองแซมม่วง ชาวบ้านเรียกชื่อต่างกันไปว่า "ดอกยูงทอง" บ้างหรือ "ดอกหงส์ทอง" บ้าง แต่ที่นิยมเรียกรวมกันก็ว่า "ดอกเข้าพรรษา" เพราะเห็นว่าดอกไม้ป่าเหล่านี้จะบานสะพรั่ง ให้เห็น อย่างดาษดื่นก็เฉพาะในเทศกาลเข้าพรรษานี่เอง

                                                                                                                               ประเพณีรับบัว


ประเพณีประเพณีรับบัวเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จัดขึ้นทุกวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ มูลเหตุของการเกิดประเพณีรับบัวก็เนื่องมาจากว่า แต่เดิมในอำเภอบางพลีจะมีประชากรอาศัยอยู่ ๓ กลุ่มคือ คนไทย คนรามัญ และคนลาว ต่อมาคนไทยทั้ง ๓ กลุ่ม ได้ตกลงกันว่าจะช่วยกันถากถางพงหญ้าให้เป็นพื้นที่ทำไร่ทำนา จนกระทั่งคนไทยทั้ง ๓ กลุ่มได้ถางหญ้ามาถึง ๓ แยก ทุกคนตกลงกันว่าจะแยกไปคนละทาง โดยคนลาวไปทางคลองสลุด


ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ  จังหวัดอุทัยธานี “เทโวโรหณะ  วิถีแห่งศรัทธาต่อศรัทธา"  “ขึ้นแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑  ถึงกำหนดเวียนมาบรรจบ ณ วัดสังกัตรัตนคีรี  ประเพณีตักบาตรเทโว  พระสงฆ์หลายร้อยรูปเดินลงจากยอดเขา  ผ่านบันได ๔๔๙ ขั้นสู่เบื้องล่าง  ที่ยังเนืองแน่นไปด้วยพุทธศาสนิกชนเรือนหมื่น  ที่ยังคงยึดมั่นในวิถีปฏิบัติดั้งเดิม  อันสะท้อนภาพแรงศรัทธาที่สุกสว่าง  ภายในจิตใจของทุกคน” อุทัยธานี  ชุมชนลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง  เมืองเล็กๆ ที่อบอุ่น  และมากด้วยไมตรีจิต  ที่พร้อมมอบให้แก่คนต่างถิ่น  และรอให้เข้ามาสัมผัส  วัฒนธรรม                                                                                                                                                                                                                   

ภาคใต้

                                                                                                                                                                                                                                                                                                       ภาคใต้ 

วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นภาคใต้
                                                                                                            ประเพณีแข่งขันตีโพน

ประเพณีแข่งขันตีโพน  จังหวัดพัทลุงประเพณีแข่งขันตีโพน  จังหวัดพัทลุง “หลังประดิดประดอยโพนพร้อมสำหรับการประชันแล้ว  เสียงโพนจึงดังกึกก้อง  สร้างความครึกครื้น  รื่นเริง  ในงานประเพณีแข่งขันตีโพน  เครื่องดนตรีพื้นบ้านซึ่งอยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนเมืองลุง  ด้วยเสียงอันทุ้มแหลมกังวาน  เกิดเป็นคำกล่าวที่ว่า  จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน  ฤาจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง” โพน  ชื่อเรียกเครื่องดนตรีพื้นบ้านของชาวปักษ์ใต้  เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของคนในอดีต  ใช้บอกเหตุร้ายเวลากลางคืน  บ้างใช้สำหรับเรียกประชุมหมู่บ้าน  เป็นสัญญาณเมื่อถึงเวลาฉันอาหาร  รวมทั้งใช้เป็นจังหวะในงานประเพณีลากพระ  พัฒนาสู่ประเพณีการแข่งขันตีโพยด้วยในวันงานลากพระ  วัดในละแวกเดียวกันต่างจัดงานกันยิ่งใหญ่  เสียงโพนจึงดังกึกก้องจนไม่สามารถแยกได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากวัดไหน  นำสู่การแข่งขันประชันเสียงโพน  โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุงจะมีการจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกๆ ปี ประเพณีแข่งขันตีโพนจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิบจนถึงวันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด  จัดควบคู่ไปกับประเพณีลากพระในวันออกพรรษา  ก่อนถึงวันแข่งขัน  เหล่านักตีโพนต่างขะมักเขม้นกับการประดิษฐ์เพื่อให้ได้โพนที่เสียงดีที่สุด 


“ด้วยจิตอันศรัทธายิ่งต่องานประเพณี เมื่อถึงวันชักพระ ชาวบ้านต่างร่วมกันทำบุญตักบาตร อันเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานบนบุษบกบนเรือพระ รถพระ ซึ่งตกแต่งอย่างงดงาม จากนั้นจึงออกแรงชักพระ เรือพระ ออกจากวัด สมโภชไปตามถนน ลำคลอง ผู้คนหนาตาด้วยจิตศรัทธาเป็นหนึ่งเดียวกัน” ตระเตรียม สลักเสลา ประดับประดิษฐ์ รถ เรือพนมพระ งดงามเมลืองมลัง ด้วยมวลหมู่ดอกไม้ ด้วยจิต ด้วยศรัทธา สมความยิ่งใหญ่ในประเพณีอันนับถือสู่สิริมงคล นับร้อย นับพัน ร่วมแรง ร่วมใจ แข็งขัน สามัคคี คนหนุ่มสาว ผู้เฒ่า



ประเพณีทอดกฐิน                                                                                                                         


ประเพณีทอดกฐินจะทำในช่วงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน เกี๋ยงเหนือหรือเดือนตุลาคม ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่เหนือ หรือเดือนพฤศจิกายน สมัยโบราณชาวล้านนาไม่นิยมทอดกฐินเนื่องจากว่าจะต้องใช้ปัจจัย (เงิน) ค่อนข้างมาก ผู้ที่จะถวายกฐินได้จะต้องมีฐานะดีและมีความตั้งใจจริง